วัคซีนโควิด mRNA ทำให้เกิดแท่งย้วยสีขาวหลังฉีดจริงหรือ?
วัคซีนโควิด mRNA ทำให้เกิดแท่งย้วยสีขาวหลังฉีดจริงหรือ?
เนื่องด้วย เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก (Facebook) ‘ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha’ เกี่ยวกับการพบแท่งย้วยสีขาว (white clot) คล้ายหนวดปลาหมึกในทั้งคนที่ยังมีชีวิตและที่เสียชีวิตแล้ว
โดยระบุว่าปรากฏการณ์นี้ไม่ได้พบมาก่อนที่จะมีวัคซีนโควิดและไม่ได้เจอในคนที่เสียชีวิตจากโควิด หรือโรคอื่น นอกจากนี้ยังได้อ้างจากรายงานซึ่งมีมาก่อนหน้าจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางพยาธิวิทยาในเยอรมันที่มีชื่อเสียง ได้ทำการผ่าศพชันสูตร และพบแท่งย้วยสีขาวนี้ในลักษณะเดียวกันกับที่เห็นในสหรัฐอเมริกา และได้โพสต์ขยายความเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 ถึงปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวที่อุดตันเส้นเลือด โดยกล่าวถึงการสัมภาษณ์ คุณ John O’Looney (ชาวอังกฤษผู้ที่มีใบประกอบวิชาชีพเป็นผู้จัดการและเตรียมศพ) โดย Dr. John Campbell (ซึ่งเป็นพยาบาลที่ได้รับ Phd. ด้านการพยาบาลใบหนึ่งและ Phd. การทำสื่อดิจิตอลเพื่อเผยแพร่ความรู้อีกใบหนึ่ง โดยไม่ได้เป็นแพทย์)
ซึ่งบทสัมภาษณ์ครั้งนี้ได้พูดถึงการพบก้อนหรือลักษณะที่เป็นแท่งย้วยสีขาวอยู่ในท่อของเส้นเลือดขนาดใหญ่ และกลางร่างกายของผู้เสียชีวิต ในช่วงเวลาหลังจากมีการให้วัคซีน mRNA กับประชาชนทั่วไปตั้งแต่ต้นปี 2021 หลังจากนั้นไม่กี่เดือน เริ่มพบคนเสียชีวิตซึ่งลักษณะต่างจากที่เคยเป็น โดย คุณ John O’Looney กล่าวว่าลักษณะของแท่งย้วยสีขาว (white clot) นี้จะไม่เหมือนกับ white clot syndrome ที่พบในการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา หรือเป็นผลแทรกซ้อนของการใช้สารกันเลือดแข็งตัวเฮพาริน (thrombosis with thrombocytopenia syndrome)
จากลักษณะเหนียวกว่าและจากการวิเคราะห์โดยหลายคณะพบว่ามีส่วนประกอบของไฟบริน (fibrin) เกร็ดเลือด (platelets) และโปรตีน ซึ่งสันนิษฐานว่าอาจเป็นโปรตีนที่มีโครงสร้างเปลี่ยนไปคล้ายกับโปรตีนพิษบิดเกลียว เอมิลอยด์ (amyloid) ที่เรารู้จักกันดีในโรคอัลไซเมอร์ซึ่งพบในสมอง แต่ถ้าพบแทรกอยู่ในเส้นเลือดจะทำให้เส้นเลือดผิดปกติจนกระทั่งถึงแตกได้
โดยในคลิปตอนต่อมา Dr. John Campbell ได้กล่าวถึง การสำรวจล่าสุด Worldwide Embalmer Blood Clot Survey (ในประเทศสหรัฐอเมริกา, ประเทศแคนาดา, ประเทศอังกฤษ และประเทศออสเตรเลีย) ที่ทำการสำรวจตั้งแต่เดือนธันวาคม 2023 ถึงมกราคม 2024 ซึ่งผู้สำรวจคือ Major Tom Haviland แห่ง United States Air Force (วิศวกร ผู้เชี่ยวชาญทางคณิตศาสตร์ ที่เป็น data scientist และ analyst) โดยได้สำรวจผู้จัดการและเตรียมศพ ทั้งหมด 269 ราย ที่มีประสบการณ์การทำงานเฉลี่ยทั้งหมด 15 ปี และเฉลี่ยจำนวนศพ 100 ศพต่อปีต่อผู้จัดการและเตรียมศพหนึ่งคน
พบว่าในปี 2023 มีถึง 73 เปอร์เซ็นต์ หรือ เจ้าหน้าที่จำนวน 197 คน ที่พบแท่งยาวสีขาวนี้ในศพ และอีก 72 คนหรือ 27 เปอร์เซ็นต์ ไม่พบ (ศพที่พบแท่งสีขาวจะมีประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2023 โดยที่เฉลี่ยในปี 2022 อยู่ที่ 30 เปอร์เซ็นต์) โดยเจ้าหน้าที่ทั้งหมดไม่พบลักษณะนี้ก่อนหน้าที่จะมีการระบาดของโควิดและก่อนหน้าที่มีการใช้วัคซีนโควิด
โพสต์นี้ มีสำนักข่าวหลายที่รายงานเรื่องนี้และเหมาสรุปไปเสมือนเป็นข้อเท็จจริงแล้วว่าวัคซีนโควิด mRNA ทำให้เกิดแท่งย้วยสีขาวหลังฉีด และเกิดกระแสทำให้ประชาชนหลายคนตกใจ จนมีแพทย์หลาย ๆ ท่านเริ่มออกมาแสดงความเห็นต่าง เช่น
- รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ขอเรียกร้องให้แพทยสภา ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย และสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ได้โปรดพิจารณา และออกมาร่วมกันแถลงให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 และ m-RNA vaccine ให้แก่ประชาชนให้ช่วยกันนำเสนอสิ่งที่ถูกต้องและเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่เป็นไปตามมาตรฐานทางการแพทย์ระดับสากล
- Doctor Tany นายแพทย์ ธนีย์ ธนียวัน (Tany Thaniyavarn, MD) อาจารย์แพทย์ Harvard Medical School, USA ผู้เชี่ยวชาญโรคปอด การปลูกถ่ายปอด และวิกฤตบำบัด ก็ได้ออกมาโพสต์เรื่อง white clot ว่า การสัมภาษณ์ผู้ทำการอาบศพไม่มีข้อมูลหลักฐานทางวิทยาศาสตร์แต่อย่างใด และการพูดมีอคติได้มาก ผู้สัมภาษณ์พยายามบอกเป็นนัย ๆ ว่าเกี่ยวกับวัคซีนโดยไม่พิจารณาจากสิ่งอื่นใด และต่อมาก็ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เชื่อว่าเรื่องนี้เกิดจากกลุ่มต่อต้านวัคซีน เรื่องการเกิดลิ่มเลือดนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เคยมีกลุ่มต่อต้านวัคซีนเอากรณีลิ่มเลือดมาพูดเมื่อปีก่อนแล้ว ก่อนจะถูกตีตกไป ขอยืนยันว่า วัคซีนโควิด ชนิด mRNA นั้นปลอดภัยและไม่ได้ทำให้เกิด white clot หรือ ลิ่มเลือดสีขาวแต่อย่างใด
- ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ (Center for Medical Genomics) คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics โดยระบุว่า
- วิดีโอดังกล่าวนำเสนอว่ามีผู้ฉีดยารักษาศพและผู้อำนวยการงานศพจำนวนหนึ่งเปิดเผยว่าพบลิ่มเลือดขนาดใหญ่ในศพถือเป็นความผิดปกติที่ไม่เคยพบมาก่อน และคาดว่าเกิดจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้หักล้างคำกล่าวอ้างเหล่านี้ โดยระบุว่าลิ่มเลือดดังกล่าวดูเหมือนจะเป็นลิ่มเลือดที่พบบ่อยหลังการชันสูตรพลิกศพ สมาคมผู้อำนวยการงานศพแห่งชาติสหรัฐเน้นย้ำว่าผู้เชี่ยวชาญด้านงานศพและฉีดยารักษาศพไม่มีคุณสมบัติที่จะสรุปผลเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิดและลิ่มเลือด
- วิดีโอดังกล่าวยังรวมถึงฟุตเทจที่นำมาจากวิดีโอการศึกษาทางการแพทย์ที่โพสต์บน YouTube ในเดือนเมษายน 2019 ซึ่งแสดงให้เห็นขั้นตอนที่เรียกว่าการผ่าตัดเอาหลอดเลือดอุดตันในปอด ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19
- องค์กร FactCheck.org ได้ตรวจสอบคลิปวิดีโอดังกล่าวแล้วพบว่า “เป็นข้อมูลไม่ถูกต้อง (fake news)”
- ล่าสุดนาย Thomas Haviland ได้นำเสนอข้อมูลลักษณะดังกล่าวอีกครั้ง โดยไม่แสดงแหล่งอ้างอิง และส่งข้อมูลไปยังหน่วยงานด้านสาธารณสุขสหรัฐ กล่าวคือ US NIH, US CDC ให้พิจารณาถึงความปลอดภัยของวัคซีนป้องกันโควิด-19 รวมทั้งให้สัมภาษณ์ในรายการของ Dr. John Cambell
Doctor at Home ได้ลองค้นดูเพิ่มเติมเรื่องแท่งย้วยสีขาวว่าเคยมีการรายงานในงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์บ้างหรือไม่ โดยจากการค้นคว้าเรื่องนี้ ยังไม่พบการรายงานเกี่ยวกับแท่งย้วยสีขาวซึ่งเป็นลิ่มเลือดสีขาวในลักษณะแบบที่ได้เล่ากันในรายการของ Dr. John Campbell ซึ่งในรายการบอกว่าแตกต่างจาก white clot syndrome หรือ ภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำหลังฉีดวัคซีน หรือที่เรียกว่า thrombosis with thrombocytopenia syndrome (TTS) หรือ Vaccine-induced immune thrombotic thrombocytopenia (VITT)
ซึ่งมีรายงานการพบ TTS หรือ VITT นี้ หลังจากฉีดวัคซีนโควิด โดยมีรายงานการเกิดในผู้ป่วยที่มีประวัติได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ส่วนมากพบในวัคซีนชนิดที่อะดรีโนไวรัสเป็นพาหะ (adenoviral vector vaccine) เช่น วัคซีนของบริษัทแอสตราเซเนกา และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน มีบางรายพบในวัคซีนแบบ mRNA แต่ก็น้อยมาก
ดังนั้น จากข่าวนี้ขอให้ประชาชนอย่าเพิ่งตกใจ เพราะจากงานวิจัยแล้ว วัคซีนโควิดแบบ mRNA ยังถือว่ามีความปลอดภัยมาก และข้อดีของวัคซีนโดยรวมแล้วก็ยังมากกว่าและปลอดภัยกว่าการติดเชื้อโควิดแบบที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน โดยขอให้ทุกท่านติดตามข่าวนี้อย่างใกล้ชิดต่อไปจากแหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ
อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการป้องกันและไม่ประมาท หากท่านใดเคยได้รับวัคซีนโควิดและมีอาการที่สงสัยว่าอาจเกิดจากลิ่มเลือดอุดตัน เช่น ปวดศีรษะ แขนขาอ่อนแรง ปวดท้อง ปวดหลัง เจ็บหน้าอก หายใจติดขัด ขาบวมเจ็บ หรือพบมีจุดเลือดออก ซึ่งอาการมักเกิดประมาณ 4-30 วันภายหลังการได้รับวัคซีน หากมีอาการร่วมกับมีประวัติเคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยละเอียด
หากพบสัญญาณความผิดปกติของร่างกาย คุณสามารถตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตัวเอง ได้ที่ Smart Doctor โปรแกรมตรวจอาการเบื้องต้นอัจฉริยะ จาก Doctor at Home
ข้อมูลล่าสุด : 27 ส.ค. 2567